เรื่อง ชา

 
ถ้าพูดถึงเรื่องชาแล้วใครๆก็ต้องรู้จัก ไม่ว่าจะเป็นชาร้อน ชาเย็น ชาชัก หรือแม้แต่ชาเออเกรย์ ชาอู่หลง

 

 

 

เฒ่าพเนจร ขอละไว้ในฐานที่เข้าใจ แต่ชา ที่เฒ่าพเนจรจะเล่าต่อไปนี้ เป็นเรื่องหลายปีก่อนเฒ่าพเนจรได้ เดินทางไปยังประเทสโปรตุเกส สัมผัสปลายแหลมสุดท้ายทางตะวันตกของยุโรป สายลม แอดแลนติกที่ เคยพัดส่งใบเรือของ วาสโก ดากามา (Click) ให้ผ่านปลาย แหลมกู๊ดโฮป (Click) ของทวีป แอฟริกา (Cilck) เพื่อค้นหาเส้นทางเดินเรือไปอินเดีย

                   

                            อนุสาวรีย์การเดินเรือโปรตุเกส (Click)                                                                 เรือคาราเวล ของโปรตุเกส (Click)

ฝ่าคลื่นลม ลมจัดของมหาสมุทรแอตแลนติก เฒ่าพเนจรออกเดินทางจากสเปน ไป โปรตุเกส โดยสายการบินโปรตุเกส

ทันทีที่เครื่องบินไต่ระดับสู่เพดานบิน แอร์โฮสเตสเริ่มทำหน้าที่เสิร์ฟเครื่องดื่มและอาหารให้ผู้โดยสาร แอร์โอสเตสท่านหนึ่งถือเหงือกน้ำร้อน อยู่ในมือสองข้าง พลางพูดว่า " ชา กาแฟ" พร้อมกับ หันมายิ้มกับผู้โดยสาร ซ้ายทีขวาที ตั้งแต่ตอนหน้าเครื่อง จนผ่านมาถึงตรงกลางของเครื่องที่เฒ่าพเนจรนั่งอยู่และหันกลับมายิ้มกับเฒ่าพเนจรและพูดว่า "ชา กาแฟ" เฒ่าพเนจรตอบไปว่า "กาแฟ" เธอก็รินกาแฟให้ พร้อมส่งสายตาเป็นเชิงถามต้องการนมและน้ำตาล หรือไม่ แต่เฒ่าพเนจรยิ้มพร้อมกับส่ายหน้าปฎิเสธ อดคิดไม่ได้ว่า องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวของโปรตุเกส ช่างให้ความสำคัญ กับนักท่องเที่ยวทุกชาติ ทุกภาษาไม่เว้นแม้กระทั้ง "ภาษาไทย" โอ้แม่เจ้าเมื่อไหร่ สารขัณฑ์ (Click) จะเป็นแบบนี้ เธอเดินผ่าไปยังตอนท้ายของเครื่องแต่ก็ยังพูดว่า " ชา กาแฟ" และเดินกลับมายังตอนหน้าของเครื่องปากรูปกระจับยังพูดว่า "ชา กาแฟ" เอ๊ะ มันชักยังไงแล้วสิ หลังจากลงจากเครื่อง เฒ่าพเนจรไม่ทิ้งความส่งสัย จึงได้สอบถามหลานไกด์ที่ไปด้วย ว่าทำไมเขาพูดภาษาไทยได ไกด์บอกว่าเปล่า "เขาพูดภาษาโปรตุเกส" เฒ่าพเนจรเลยถามกลับไปว่า ชา (Cilck) กาแฟ (Click) นั้นเหรอ ไกด์จอมกวนหันหน้ามาตอบนั้นแหละ ครับลุง

เหมือนคำว่า บาส บอล ศิวิไลซ์ โชว์ ลิฟท์ ทุเรศ (too late) ก็ไม่ใช่ภาษาไทยด้วยนะลุง ตายกห เฒ่าพเนจรพึ่งคิดได้ว่าชาวโปรตุเกสเข้ามาตั้ง "สมัย อยุธยา เมื่อปี พ.ศ. 2054

เรารับวัฒนธรรมยุโรป มานานมากแล้วเกือบลืมไป กล่าวโดยเฉพาะ "ชา" เป็นพืชที่ไม่ได้ปลูกในยุโรป แต่คนยุโรปโยเฉพาะคนอังกฤษ นิยมบริโภคมาก ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ "ชา" นี่แหละเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ก่อให้เกิ "สงครามประกาศอิสรภาพ อาณานิคม ระหว่างอังกฤษ กับอเมริกา (คลิก)" ชาวอาณานิคมอเมริกา มีความโกรธแค้นรัฐบาลอังกฤษมาก ที่เก็บภาษีสินค้าอเมริกันสูงมาก  แค่ปล่อยให้ บริษัท อิสต์ อินเดีย ของอังกฤษขายชาปลอดภาษีผูกขากในอเมริกา ทำให้บริษัทของอเมริกาต้องปิดกิจการเป็นจำนวนมาก และเมื่อเรือบรรทุก "ชา" ของอังกฤษ 3 ลำ เทียบท่าเรือบอสตัน ชาวอเมริกันที่โกรธแค้นก็ปลอมตัวเป็นอินเดียแรง บุกเรือขนชาของอังกฤษ แล้วนำใบชาทิ้งลงทะเล (เรียกว่าบอสตัน ทีปาร์ตี้) (คลิก)

(Boston Tea Party) (คลิก)

อังกฤษได้ส่งกำลังทหารเข้าไปในบอสตัน เกิดการต่อสู้อย่างรุนแรง ระหว่างอังกฤษเจ้าอาณานิคม กับคนอเมริกัน สงครามประกาสอิสรภาพก็เริ่มขึ้นเหตุเพราะ "เจ้าชาตัวเล็กๆนี่เอง" แต่ผลของสงครามที่ชาเป็นต้นเหตุ นั้นยิ่งใหญ่เหลือคณานับ ฝ่ายอเมริกาชนะอังกฤษ และประกาศอิสระภาพไม่ขึ้นต่อจักรวรรดิอังกฤษ มี"คำประกาศอิสรภาพของสหรัฐอเมริกา (คลิก)" ประโยคหนึ่งที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง ร่างโดย ทอมัส เจฟ เฟอร์สัน (Thomas Jafferson) (คลิก) และถือเป็นปรัชญาในการดำรงชีวิตของาชาวอเมริกันจนถึงทุกวันนี้คือ

"We hold these truths to be self-evident,that all men are created equal, that they are endowed by their Creator with certain unalienable Rights, that among these are Life, Liberty and thepursuit of Happiness"...

(เราถือว่าความจริงต่อไปนี้เป็นสิ่งที่ประจักษ์แจ้งอยู่ในตัวเอง นั่นคือมนุษย์ทุกคนถูกสร้างขึ้นมาอย่างเท่าเทียมกัน และพระผู้สร้างได้มองสิทธบางประการที่จะเพิกถอนมิได้ไว้ให้แกมนุษย์ ในบรรดาสิทธเหล่านั้นได้แก่ ชีวิต เสรีภาพ และการแสงหาความสุข)

อุ๊แม่เจ้า ในตลาดน้ำขวัญเรียม ก็มี "ชาชัก" ขาย คงไม่เกียวกับสงครามประกาศอิสรภาพของอเมริกา แต่เกียวกับสงครามทางการค้า เนื่องจาก "ชาชักร้านของคุณ สตูล" ที่ขายอยู่ในตลากน้ำขวัญ เรียม ไ้ดรับรางวัลชนะเลินในอาเซี่ยน

นอกจากรสชาติที่เข้มข้นแล้ว ลีลาการชงชาก็เหลือหลาย บางครั้งก็ช็อค และชาความรู้สึกไปเหมือนกัน เมื่อคนชงชา หมุนรอบตัวเองหลานรอบ สมองของคนดู คนชงชามึนงง เพระากินชาชง ชงปปช. พธม. กปปส. กกต. ศอ.รส. นปช. ศรส. ปชป. ศรช. ชงรวอำนาจไม่เป็นสากล แล้วหมุนหมุน เป็งวงวง ชงไปชงมา หรือสังคมไทยกำลังจะ "เขาปีชง"